7 ตามใจท่าน (ธรรมะสากัจฉา)

7 ตามใจท่าน (ธรรมะสากัจฉา) โดย ปัญญา ภาวนา ฟังธรรมะ ปัญญาภาวนา Panya Bhavana

ปัญญา ภาวนา ฟังธรรมะ ปัญญาภาวนา Panya Bhavana

การพูดคุยปรึกษา คือ สากัจฉาทำให้เกิดความไม่ประมาทและมีปัญญาได้, มีคำถามอยู่ที่ไหน ก็มีคำตอบอยู่ที่นี่, ตอบทุกข้อสงสัย ทั้งในการดำเนินชีวิต, หลักธรรม หรือการภาวนา โดย ร่วมพูดคุยกับคุณเตือนใจ สินธุวณิก และ พระอาจารย์พระมหาไพบูลย์ อภิปุณฺโณ ในช่วง "ตามใจท่าน". New Episode ทุกวันอาทิตย์ เวลา 05:00, Podcast นี้เป็นส่วนหนึ่งของรายการธรรมะรับอรุณ ออกอากาศทุกวันทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.) มีคำถาม/ข้อเสนอแนะ หรือสมัครติดตามฟังทั้ง 7 รายการ ที่ panya.org


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

ฟังตอนสุดท้าย:

Q : การระลึกชาติได้ มีจริงไหม?

A : การระลึกถึงไม่ว่าจะระลึกถึงอดีตหรืออนาคตก็ระลึกถึงอยู่ในปัจจุบัน ถ้าเรามีอดีตนั่นก็หมายความว่าเรามีปัจจุบันและอนาคต ในตำราไว้ว่าการระลึกชาติก่อนได้เป็นความสามารถในส่วนของปัญญาเรียกว่า “บุพเพนิวาสานุสติญาณ” คือปัญญาที่ทำให้ระลึกตามได้ว่าเมื่อก่อนเป็นอะไรอยู่ที่ไหน โดยเหตุแห่งการระลึกชาติได้นั้นคือสมาธิต้องมีสมาธิจึงจะมีปัญญา ในข้อนี้ท่านกล่าวถึง “อภิญญา5” เตือนเอาไว้ว่าหากคนไม่ศรัทธาไม่เชื่อก็จะบอกว่านั่นเป็นเพียงมายากลคือมีปัญญาแต่ไม่มีศรัทธา หากคนที่ศรัทธาอย่างเดียวก็จะถูกหลอกได้ง่ายคือมีศรัทธาแต่ไม่มีปัญญา เพราะฉะนั้นศรัทธาและปัญญาจึงต้องไปด้วยกันสองอย่างต้องพอ ๆ กันเราจึงจะเข้าใจรู้เห็นสิ่งของที่พิเศษนี้ได้

 

Q : ทำบุญให้ทานเพราะโลภได้บุญหรือไม่?

A : การให้ทานนั้นได้บุญ แต่หากให้ทานแล้วมีความโลภ บุญที่ได้นั้นจะเศร้าหมอง การเดินตามมรรค 8 จะทำให้ความเศร้าหมองลดลง เป็นกระบวนการที่เมื่อเราทำแล้วความอยากก็จะลดลงไปด้วย ดั่งที่พระอานนท์ท่านกล่าวไว้ว่า “เจริญฉันทะเพื่อลดฉันทะ” 

 

Q : สมาธิที่มากเกินไปทำให้เกียจคร้าน ไม่ก้าวหน้าในการปฏิบัติขั้นสูงขึ้นไป จริงหรือไม่ ?

A : สมาธิถ้ามันไม่สมดุลกับความเพียร ความเพียรน้อยไปสมาธิมากไปก็จะทำให้เกียจคร้าน แต่ถ้าความเพียรมากไปสมาธิน้อยไปก็จะทำให้ฟุ้งซ่าน เพราะฉะนั้นมันต้องประกอบกันทั้งหมดให้เหมาะสม ในลักษณะที่ให้จิตเราละอาสวะกิเลสได้ 

 

Q : คนมักใช้คำว่า "อนิจจังไม่เที่ยง" เพื่อปลอบใจให้คลายทุกข์แต่พอสบายใจแล้วก็ปล่อยปะละเลยไป

A : ท่านยกเรื่อง “โลกธรรม 8” เราต้องเข้าใจทั้ง 2 ฝั่ง ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ สรรเสิญ นินทา สุข ทุกข์ หากเราเข้าใจฝั่งเดียว เช่น ได้ลาภแล้วเรายินดีเพลิน พอใจ ไปในลาภยศนั้น ไม่ได้เข้าใจอีกฝั่งว่าลาภก็เสื่อมได้ มัวเพลิน พอใจไปในลาภนั้น ซึ่งความเพลิน ความพอใจนั้น คือ อุปาทาน (ความยึดถือ) เมื่อความยึดถือเกิดขึ้นตรงไหน ตรงนั้นจะเกิดเป็นตัวตนขึ้นทันที ทำให้เราเข้าไปยึดถือในสิ่งที่เป็นอนัตตาว่าเป็นอัตตา ทุกข์จึงเกิดขึ้นทันที

 

Q : "พระพุทธองค์ทรงย่อโลกให้มาอยู่ในตัวเรา" หมายความว่าอย่างไร?

A : การรับรู้สิ่งต่าง ๆ จากภายนอก ล้วนรับรู้ด้วยกายของเรา เช่น เราได้ยินเสียงก็ด้วยหูของเรา เราเห็นแสงก็ด้วยตาของเรา ท่านจึงบอกว่าอยู่ในกายของเรา คำว่า “อยู่ในกาย” หมายถึง ธาตุ 4 (ดิน น้ำ ไฟ ลม) อยู่ในกายนี้ ถ้ามองจากข้างนอก ก็คือ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ข้างในก็จะเป็น เนื้อ เอ็น กระดูก คือ อยู่ในกายนี้ ข้างนอกอย่างไรข้างในก็อย่างนั้น มันไม่เที่ยงเหมือนกัน มันอาศัยเหตุปัจจัยปรุงแต่งเหมือนกัน ด้วยความเข้าใจตรงนี้ จึงไม่ยากหากเราจะเข้าใจจากข้างใน ก็จะไม่เพลินไปได้ 



Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

ตอนก่อนหน้า

  • 357 - การระลึกชาติ [6719-7q] 
    Sat, 11 May 2024 - 0h
  • 356 - คาถาชนะมาร [6718-7q] 
    Sat, 04 May 2024
  • 355 - สิ่งที่เป็นไปได้ยาก 3 สิ่ง [6717-7q] 
    Sat, 27 Apr 2024 - 0h
  • 354 - ความรู้คือวิชชา ความพ้นคือวิมุตติ [6716-7q] 
    Sat, 20 Apr 2024 - 0h
  • 353 - การตั้งสติไว้ในกาย [6715-7q] 
    Sat, 13 Apr 2024 - 0h
ตอนมากแค่ไหน

ไทยพอดคาสต์มากขึ้น -

พอดคาสต์ต่างประเทศมากขึ้น -

เลือกประเภท Podcast